เมล็ดผักกาดน้ำ หญ้าเอ็นยืด หมอน้อย สมุนไพรไทย 100 เมล็ด
สมุนไพรผักกาดน้ำ มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า หญ้าเอ็นยืด[1] หญ้าเอ็นหยืด[2] หญ้าเอ็นอืด (เชียงใหม่) หมอน้อย (กรุงเทพฯ) ผักกาดน้ํา ผักกาดน้ำไทย ผักกาดน้ำใหญ่ (ไทย) เชียจ่อยเช่า ตะปุกชี้ ยั้วเช่า ฮำผั่วเช่า เซียแต้เฉ้า (จีน) ต้าเชอเฉียนเฉ่า (จีนกลาง) เป็นต้น[1][3][4]
ในพืชวงศ์เดียวกันยังพบอีกพันธุ์คือ ผักกาดน้ำเล็ก ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Plantago asiatica L. ซึ่งมีสรรพคุณทางยาที่คล้ายกัน สามารถนำมาใช้แทนกันได้ จะแตกต่างกับผักกาดน้ำที่กล่าวถึงในบทความนี้ตรงที่ผักกาดน้ำจะมีขนาดของใบใหญ่กว่า ลำต้นสูงกว่า และมีเมล็ดมากกว่าผักกาดน้ำเล็ก[3]
สรรพคุณของผักกาดน้ำ
ทั้งต้นใช้ปรุงเป็นยาร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ได้แก่ ดอกเก๊กฮวย ว่านกาบหอย กล้วยหอมดิบ รากบัวหลวง สนหมอก ฯลฯ (ทั้งต้น)[1]รากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้กระษัย (ราก)[5]ใช้แก้ความดันโลหิตสูง ด้วยการใช้ผักกาดน้ำและพลูคาวอย่างละ 35 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน (เข้าใจว่าคือส่วนของต้นและใบ)[3]ช่วยทำให้ตาสว่าง (เมล็ด)[3]ช่วยรักษาตาแดงเฉียบพลัน ตาเป็นต้อ (ต้น)[3] แก้ขอบตาเป็นเม็ดบวม (ทั้งต้น)[4]ทั้งต้นนำไปต้มกับน้ำตาลกรวด ใช้กินเป็นยาแก้อาการร้อนใน แก้เจ็บคอ มีฤทธิ์เป็นยาเย็น (ต้น)[1][3] ส่วนเมล็ดก็เป็นยาแก้ร้อนในเช่นกัน (เมล็ด)[3]ช่วยแก้ไอหวัด หลอดลมอักเสบ (ต้น)[3] ช่วยขับเสมหะ แก้อาการไอ (เมล็ด)[3] รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไอ (ราก)[7]ใบใช้ต้มกินเป็นยาแก้เลือดกำเดาไหล (ใบ)[11]ช่วยขับน้ำชื้น (ต้น)[3]ช่วยแก้ท้องร่วง (ทั้งต้น)[4] ต้นใช้เป็นยาแก้ท้องเสีย ลำไส้อักเสบ (ต้น)[3]แก้บิด ให้นำมาต้มร่วมกับผักพลูคาว (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[11]ตำรายาไทยใช้ทั้งต้นเป็นยาขับปัสสาวะ แก้นิ่ว ละลายก้อนนิ่วในไต แก้นิ่วในถุงน้ำดี ขับล้างทางเดินปัสสาวะ แก้ช้ำรั่ว หรือทางเดินปัสสาวะ ปัสสาวะกะปริดกะปรอย ด้วยการใช้ทั้งต้นประมาณ 1 กำมือนำมาต้มกับน้ำกิน หรือจะใช้ทั้งต้นที่ได้มาใส่ในเครื่องปั่นแล้วปั่นให้ละเอียด นำไปผสมกับน้ำซาวข้าวประมาณ 1 ขวดแม่โขง แล้วนำมาดื่มให้หมดภายใน 1 วัน และให้ดื่มติดต่อกัน 2-3 วัน
วิธีใช้สมุนไพรผักกาดน้ำ
การใช้ต้นตาม [3] ถ้าเป็นต้นแห้งให้ใช้ครั้งละ 10-18 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน แต่ถ้าเป็นต้นสดให้ใช้ตามความเหมาะสม หรือใช้ตำคั้นเอาแต่น้ำดื่ม หากใช้ภายนอกให้นำมาตำแล้วพอก (ต้น)[3]การใช้เมล็ดตาม [3] ให้ใช้ครั้งละ 10-15 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน หรือใช้ร่วมกับตัวยาอื่น ๆ ในตำรับยา[3]ผู้ที่เป็นโรคกามเคลื่อนห้ามรับประทาน[3]
ประโยชน์ของต้นผักกาดน้ำ
ใบอ่อนใช้กินเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก โดยคุณค่าทางโภชนาการของใบผักกาดน้ำต่อ 100 กรัม ประกอบไปด้วย พลังงาน 61 แคลอรี น้ำ 81.4% โปรตีน 2.5 กรัม ไขมัน 0.3 กรัม คาร์โบไฮเดรต 14.6 กรัม วิตามินเอ 4200 หน่วยสากล วิตามินบี2 0.28 มิลลิกรัม วิตามินบี3 0.8 มิลลิกรัม วิตามินซี 8 มิลลิกรัม แคลเซียม 184 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 52 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 1.2 มิลลิกรัม[6] คนในแถบภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคกลางหลายพื้นที่จะกินผักกาดน้ำเป็นผักสดจิ้มกับน้ำพริก มีบ้างที่นำไปปรุงสุกก่อนรับประทาน อีกทั้งผักกาดน้ํายังอุดมไปด้วยเบตาแคโรทีน วิตามินบี วิตามินซี และโอสถสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยกำจัดพิษออกจากร่างกาย และเป็นยาระบายอ่อน โดยจะรับประทานช่อดอกอ่อน ๆ ใบอ่อน ๆ (ต้องรีบเก็บตอนเป็นใบอ่อนจริง ๆ เพราะใบจะแก่เร็วมาก)[8]นอกจากจะใช้รับประทานเป็นผักแล้ว ยังใช้ผักกาดน้ำในการรักษาโรคกันอย่างกว้างขวางมานานนับพันปีแล้ว เพราะถือเป็นสมุนไพรที่มีความปลอดภัยสูงมากชนิดหนึ่ง และได้รับการยอมรับในการใช้เป็นยาสมุนไพรในเภสัชตำรับในต่างประเทศ เพื่อใช้รักษาอาการไอและหลอดลมอักเสบจากการติดเชื้อ รักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคลำไส้อักเสบ ใช้รักษาโรคผิวหนังอักเสบ และยังใช้เป็นสมุนไพรเพื่อการเลิกบุหรี่ เป็นต้น[8]ผักกาดน้ำเป็นสมุนไพรที่หมอนวดมักนำมาปลูกไว้หน้าบ้านเพื่อเป็นการตัดไม้ข่มนาม หากใครเข้ามานวดที่นี่แล้วเอ็นต้องยืดสมดังชื่อ[8]ปัจจุบันมีการนำมาใช้ทำเป็นครีมหรือโลชันบำรุงผิวเพื่อช่วยลบรอยเหี่ยวย่น